บล็อกเชน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว-ประโยชน์ การประยุกต์ และความท้าทาย
- mulberryaiofficial
- 3 ก.ย. 2564
- ยาว 1 นาที
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นที่พูดถึงกันอย่างแพร่หลาย และสร้างความตื่นเต้นอย่างมากในอุตสาหกรรมต่างๆ เนื่องจากความยากในการเปลี่ยนแปลงข้อมูล วิธีการจัดเก็บข้อมูล และการใช้ข้อมูล เพิ่มความโปร่งใสและความปลอดภัย ซึ่งในบทความนี้เราจะพูดถึงการใช้บล็อกเชนในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ว่าจะมีประโยชน์อย่างไร

การทำความเข้าใจเทคโนโลยีบล็อกเชน
กล่าวสั้น ๆ มันคือรายการบันทึกข้อมูลแบบสาธารณะ ซึ่งมีรายการหรือข้อมูลธุรกรรมระหว่างฝ่ายต่างๆ แต่ละไฟล์เรียกว่า 'บล็อก' ซึ่งมีการรักษาความปลอดภัยโดยใช้การเข้ารหัส
นอกจากนั้นเทคโนโลยีบล็อกเชนคือที่เก็บข้อมูลที่มีการกระจายอำนาจ โดยมีข้อมูลที่แชร์ผ่านเครือข่าย peer to peer แต่ละบล็อกประกอบด้วยข้อมูลธุรกรรมและการประทับเวลา อีกทั้งแต่ละบล็อกจะคงอยู่ถาวรและไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากไม่มีฉันทามติจากเครือข่ายทั้งหมด
ลักษณะการกระจายอำนาจ คงอยู่ถาวร การประทับเวลา และเปลี่ยนแปลงไม่ได้ของข้อมูลที่บันทึกในบล็อกเชน หมายความว่าข้อมูลมีความปลอดภัย ตรวจสอบย้อนกลับ และโปร่งใสมากขึ้น การไม่มีจุดศูนย์กลางลบช่องโหว่ได้เป็นอย่างดี
บล็อกเชน ประโยชน์ต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
ในแง่ของข้อดีที่เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถนำเสนอได้ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวได้ คือ ความเสถียรและความปลอดภัย ลักษณะการกระจายอำนาจของบล็อกเชน หมายความว่าข้อมูลไม่สามารถ 'ออฟไลน์' หรือสูญหายจากการลบโดยไม่ตั้งใจหรือการโจมตีทางไซเบอร์ที่เป็นอันตราย ทำให้มั่นใจได้ว่าทุกธุรกรรมจะสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้เสมอ
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอาศัยบริษัทต่างๆ ที่ส่งข้อมูลระหว่างกัน เช่น ตัวแทนท่องเที่ยวจำเป็นต้องส่งรายละเอียดของลูกค้าไปยังบริษัทเที่ยวบินและโรงแรม ในขณะที่ของใช้ส่วนตัวของผู้เดินทางมักจะถูกส่งผ่านระหว่างบริษัท บล็อกเชนทำให้การเข้าถึงและจัดเก็บข้อมูลสำคัญง่ายขึ้นและเชื่อถือได้มากขึ้น เพราะความรับผิดชอบในการจัดเก็บจะถูกแบ่งปันทั่วทั้งเครือข่าย ไม่ใช่กลุ่มคน หรือบริษัทใด บริษัทหนึ่ง
แน่นอน ธุรกรรมทางการเงินก็เป็นส่วนสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเช่นกัน และเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความสามารถที่ไม่เพียงแต่ทำให้ง่ายขึ้น แต่ยังรักษาความปลอดภัยในการชำระเงินอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับการชำระเงินในต่างประเทศ ด้วยเหตุนี้บล็อกเชนจึงมีศักยภาพในการปรับปรุงระดับความไว้วางใจจากทุกฝ่าย
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีความสามารถในการเปลี่ยนระบบการเก็บสะสมและใช้ข้อมูลสถิติต่าง ๆ เพื่อไม่ให้มีการแทรกแซง เกิดความชัดเจนโปร่งใสและความปลอดภัยขั้นสูงที่สามารถวัดผลได้ หลาย ๆ คนอาจคิดว่าสิ่งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ แต่ในปัจจุบันการเก็บข้อมูลเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้ว ด้วยเหตุนี้ ส่งผลให้เทคโนโลยีบล็อกเชนถูกนำไปศึกษาเพื่อนำมาปรับใช้ให้เข้ากับภาคหน่วยงานและเศรษฐกิจในหลากหลายสาขา อาทิ การแพทย์ การศึกษา การบันเทิง ประกันต่าง ๆ จนถึงภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
กล่าวโดยสรุป เทคโนโลยีบล็อกเชน สามารถนำประโยชน์มาปรับใช้เข้ากับการท่องเที่ยวได้ โดยการรวบรวมผู้เกี่ยวข้องในระบบการท่องเที่ยว เช่น นักท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว บริษัทที่เกี่ยวข้องกับวีซ่า กรมภาษี รวมถึงภาครัฐที่จะสามารถติดต่อและเชื่อมข้อมูลโดยง่ายและไม่ต้องผ่านขั้นตอนให้ยุ่งยาก
ลดคน ลดการทำงานที่ใช้เวลา ลดความผิดพลาด
ข้อดีของเทคโนโลยีบล็อกเชน
1. ความปลอดภัยของข้อมูล
ข้อมูลภายในบล็อกเชนจะถูกกระจายอำนาจผ่านโหนด ข้อมูลถูกจัดเก็บในบล็อกที่มีกระจายอยู่ทั่วโลกซึ่งหากเกิดความผิดพลาด หรือข้อมูลไม่ตรงกับโหนดอื่น ๆ ข้อมูลจะถูกเปลี่ยนให้ตรงกับเครือข่ายอื่น ๆ ซึ่งการทำงานส่วนนี้เรียกว่า Consensus Protocol
2. ไม่เปลี่ยนรูป
อัลกอริธึมที่บล็อกเชนใช้ ได้รับการออกแบบมาเพื่อหลีกเลี่ยงการเปลี่ยนแปลงในบล็อก ซึ่งระบบแต่ละโหนดจะมีการตรวจสอบกันเอง อย่างที่กล่าวไปในข้อ 1. จึงรับประกันได้ว่าข้อมูลที่จัดเก็บไว้ในบล็อกเชนจะไม่ถูกเปลี่ยนแปลง เว้นแต่คุณมีความสามารถในการเปลี่ยนข้อมูลบนคอมพิวเตอร์เป็นล้าน ๆ ตัวที่กระจายอยู่ทั่วโลกพร้อมกันได้
3. การกระจายอำนาจ
การกระจายอำนาจในบล็อกเชนเกิดขึ้นเนื่องจากไม่มีหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่งควบคุมการประมวลผลข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์ แต่จะถูกกระจายไปทั่วโหนดต่างๆ ที่สร้างบล็อกเชน
การประยุกต์ใช้บล็อกเชน ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
1. การติดตามสัมภาระ
เทคโนโลยีบล็อกเชนนั้นมีประโยชน์อย่างมากในการติดตามความเคลื่อนไหวของกระเป๋าเดินทาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องรับมือกับการเดินทางระหว่างประเทศ ในหลายกรณี สัมภาระของลูกค้าจะเปลี่ยนมือหลายครั้งตลอดการเดินทาง การใช้ฐานข้อมูลแบบกระจายศูนย์ทำให้การแชร์ข้อมูลการติดตามระหว่างบริษัทต่างๆ ง่ายขึ้นมาก
2. บริการระบุตัวตน
บริการระบุตัวตนมีความสำคัญอย่างมากสำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และบล็อกเชนอาจกลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมสำหรับการจัดเก็บข้อมูลนี้ เทคโนโลยีนี้สามารถลดเวลาในการเช็คอินลงอย่างมาก หรือลดคิวในสนามบิน เนื่องจากการพิมพ์ลายนิ้วมือหรือการสแกนม่านตาสามารถแทนที่การแสดงเอกสารได้
3. การชำระเงินที่ปลอดภัย ตรวจสอบย้อนกลับได้
การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน สำคัญที่สุดในโรงแรมและอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางคือการชำระเงิน การชำระเงินจะง่ายและปลอดภัยยิ่งขึ้น เมื่ออนุญาตให้บริษัทท่องเที่ยวยอมรับการชำระเงินโดยใช้ บิทคอยน์ และสกุลเงินอื่น ๆ
4. แต้ม หรือคะแนนสะสม
บล็อกเชนสามารถช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับคะแนนสะสมได้ง่ายขึ้น และแม่นยำ รวมถึงอนุญาตให้ส่งต่อคะแนน หรือโทเค็นได้ ลดปัญหาเรื่อบัตรสะสมคะแนนเต็มกระเป๋า
หากไม่มีการใช้บล็อกเชน
1. ปัญหาการโกงค่าคนกลาง
ในปี พ.ศ. 2561 หน่วยงาน UNWTO รายงานจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่เข้ามายังประเทศไทยว่า มีสูงถึง 1.4 ร้อยล้านคน ด้วยสาเหตุนี้ การติดต่อเรื่องการเดินทางผ่านบริษัทท่องเที่ยวหรือ เว็บไซต์ต่าง ๆ ได้ฉวยโอกาสเพิ่มค่าตัวกลางในการติดต่อสูงถึง 20% ทั้งฝั่งผู้ซื้อและผู้ขาย
2. การคุกคามทางไซเบอร์
การท่องเที่ยวจำเป็นต้องพึ่งพาข้อมูลที่หลากหลายจากผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ดังนั้นความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกนำส่งต่อกันเป็นทอด ๆ ไม่สามารถสร้างความมั่นใจในด้านความปลอดภัย ให้แก่ผู้บริโภคได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ภัยคุกคามทางไซเบอร์ ไม่นานมานี้ WWPKG บริษัททัวร์ที่ใหญ่ต้น ๆ ของฮ่องกงโดนแฮกข้อมูลผ่านทางไซเบอร์ โดยได้นำข้อมูลสำคัญของลูกค้าไป คือ หมายเลขบัตรประชาชน และหมายเลขบัตรเครดิตเหตุการณ์เหล่านี้จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้หากนำเทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาใช้
3. การปลอมความคิดเห็นของผู้ใช้บริการ
บนเว็บไซต์ต่าง ๆ พบการปลอมความคิดเห็นของผู้ใช้บริการอย่างแพร่หลาย ทั้งส่วนโรงแรม ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยว เพราะผู้ให้บริการต่างสามารถปลอมเป็นผู้บริโภค สินค้าและบริการต่าง ๆ ของธุรกิจตนเองได้ เพื่อให้ดูดีในสายตาของผู้อ่านความคิดเห็นเหล่านี้ นอกเหนือจากนั้น เมื่อได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ลบ บริษัทก็สามารถลบบัญชีของตนเองและเปิดบัญชีใหม่ เพื่อไม่ให้ผู้บริโภคเห็นเลยก็ได้ มีรายงานว่า TripAdvisor หนึ่งในเว็บไซต์การท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีความคิดเห็นที่ถูกปลอมเฉลี่ยประมาณ 1 ใน 3 ของความคิดเห็นทั้งหมด เทคโนโลยีบล็อกเชนสามารถช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เพราะบล็อกเชนไม่สามารถปิดลงหรือลบล้างข้อมูลต่าง ๆ ได้ ทุก ๆ การซื้อขายสามารถสืบที่มาได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็น หรือการแลกเปลี่ยนซื้อขายและการยืนยันตัวตนของผู้ใช้
ความท้าทาย
เทคโนโลยีบล็อกเชนจะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเช่นการท่องเที่ยวในอนาคตอย่างมาก ทั้งเรื่องการหายไปของอาชีพหลาย ๆ อาชีพ รวมถึงการปรับตัวของนักท่องเที่ยว และผู้ให้บริการการท่องเที่ยว ถือเป็นความท้าทายในการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว โดยเฉพาะยุคหลัง New Normal ที่เรื่องของความปลอดภัย ความโปร่งใส ต้องสามารถตรวจสอบได้

ตัวอย่างของเทคโนโลยีบล็อกเชนที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
1. BeeToken / Beenest
BeeToken หรือแพลตฟอร์มแชร์บ้านของ Beenest เทคโนโลยีนี้ใช้เพื่อให้ลูกค้าติดต่อกับเจ้าของที่พัก เพื่อให้สามารถจัดการและชำระค่าที่พักได้ ไม่มีค่าคอมมิชชั่น ในขณะที่การชำระเงิน
2. Winding Tree
แพลตฟอร์ม Winding Tree แพลตฟอร์มการท่องเที่ยวไร้ตัวกลางที่สามารถติดตามสัมภาระผ่านบล็อกเชน รวมไปถึงสามารถจองและการติดตามสถานะการจองที่พักได้อย่างปลอดภัย
3. ShoCard & SITA
โครงการความร่วมมือระหว่าง ShoCard & SITA นำบล็อกเชนใช้ในแง่ของการจัดการข้อมูลประจำตัว ซึ่งจะปูทางสำหรับฐานข้อมูล ID แบบกระจายศูนย์ ช่วยให้การระบุตัวตนของบุคคลในโรงแรมหรือจุดตรวจสนามบินง่ายขึ้น สะดวกขึ้น
4. TUI Bed-Swap
TUI ได้เปิดตัวเองในบ้านโครงการ blockchain ซึ่งมันหมายถึง'Bed-Swap' การใช้เทคโนโลยีนี้ทำให้บริษัทสามารถย้ายสินค้าคงคลังระหว่างจุดขายต่างๆ และอัตรากำไรจากการขายแบบยืดหยุ่นได้แบบเรียลไทม์ โดยขึ้นอยู่กับระดับของความต้องการที่มีอยู่ในขณะนั้น
อ้างอิง
ความคิดเห็น